วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

My 2nd Persona, My 2nd time meeting Kim Hyun Joong

สุขทั้งน้ำตา ตอน จิ้งจอกสาวบุกฮ่องกงพิชิตหนุ่มจมูกโด่ง

ได้ฤกษ์ออกเดินทางไปตามหารักครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา

แต่กว่าจะได้เดินทางนั้นอุปสรรคมันมากมายเหลือเกิน ด้วยความที่อยากไปเจอหน้าจุงที่รักตอนลงเครื่อง

กว่าจะได้ตั๋วมา โรงแรมก็ยังไม่จอง

แต่เมื่อทุกอย่างลงตัว พร้อมเดินทาง จากสนามบินสุวรรณภูมิ

ออกเดินทางเวลา 8 โมงเช้า สู่น่านฟ้าฮ่องกงตอนเวลา 11 โมงโดยประมาณ

และเนื่องจากต้องรอจุงลงเครื่องเวลา บ่ายสองโมง จิ้งจอกสาวทั้ง 4 คนที่เดินทางมาด้วยกันจึงต้องรอด้านในแบบลับๆล่อๆ

ทริปนี้มีจิ้งจอกทั้งหมด 7 สาว เดินทางถึงก่อน 2 จิ้งจอกเอเชียแอร์ ตามไปสมทบต่ออีก 4 จิ้งจอกไทย ตบท้ายด้วยจิ้งจอกคาเท่อีก 1

เมื่อรวมพลกันได้ครบก็ตั้งหน้าตั้งตาคอยเวลา พร้อมๆไปกับด้อมๆมองๆหลบเจ้าหน้าที่

นั่งรอไปเรื่อยๆจิ้งจอกสาวก็เริ่มพะวงเพราะว่าไม่รู้ว่าจุงจะมาที่ประตูที่เท่าไหร่

จิ้งจอกทั้ง 7 ปรึกษาหารือกันว่าจะเอาข้อมูลนี้มาได้อย่างไรกัน เพราะที่ตารางก็ไม่มีบอก

จิ้งจอกก้อยและจิ้งจอกพี่แก้วนั้นหอบหิ้วหระเป๋าใบโตมากมายมากันคนละใบ

แต่ก็ตัดใจปล่อยให้กระเป๋ามันไปตกค้างที่ไหนก็ไม่รู้ ด้วยใจที่อยากจะเจอกับจุงเหลือเกิน

ในที่สุดหลังจากจิ้งจอกทั้ง 7 ได้ประชุมกันแล้วก็ส่งจิ้งจอกก้อยไปถาม (ฮ่าๆๆๆ ) และด้วยความสามารถในการเล่นละคร

บวกกับความรักต่อจุงก็ส่งให้จิ้งจอกก้อยเดินตรงไปที่counter พร้อมกับล่อลองล้วงลับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ออกมา

เมื่อได้ข้อมูลดั่งใจหวัง ทั้ง 7 ก็ออกเดินทางตรงไปยังเป้าหมาย ประตูทางออกที่ผู้ชายเราจะเดินออกมานั่นเอง


เมื่อเดินไปถึงประตูเป้าหมาย เราก็ได้กลิ่นถั่วเขียวทันที อย่างว่าผีย่อมเห็นผีด้วยกัน

ณ บริเวณตรงทางด้านหน้าประตูมีเหล่าบรรดาถั่วเขียวต่างชาตินั่งรออยู่ส่วนหนึ่ง

เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นบรรดาถั่วเขียว เพราะว่ากลิ่นมันบอก 55555+

ทั้ง 7 ก็เริ่มหาที่นั่งกันแล้วก็รอ รอด้วยความใจจดใจจ่อ ณ ขณะที่รอก็เริ่มมีผู้คนมากขึ้น มากขึ้น

ซักพักก็เห็นแถวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินเดินมาประมาณ 10 กว่านาย

ต้องมาแล้วแน่เลย สายตาของทุกคู่ก็จ้องไปที่ทางเดินออกมา ผู้คนก็เริ่มทะยอยๆกันมาเรื่อยๆ ตะวันออกกลางบ้าง

ฝรั่งบ้าง จีนบ้าง อะไรบ้าง แต่ยังไม่เห็นเป้าหมายเราเลย ลุ้นอย่างเวอร์ ตอนนี้ทั้ง 7 ก็เริ่มลุกไปยืนรอกันแล้ว

เริ่มแน่ใจเมื่อเห็นพาสปอร์ตสีเขียวตุ่นจากเกาหลีเริ่มทยอยกันมา

ไม่นานก็มีสาวนางนึงเดินออกมาพร้อมกับทำท่าทางว่า “เค้าออกไปอีกทางนึงแล้ว” ถั่วเขียวต่างชาติพร้อมถั่วจุงอย่าง 7 จิ้งจอก เห็นดังนั้น

ก็รีบไปตอมอทันที อีกส่วนก็ลังเลเอาไงดี ไปหรือว่าอยู่ อยู่หรือว่าไป เค้าไม่มาจริงเหรอ ออกทางอื่นจริงเหรอ

ในที่สุดก็ตัดใจกันเดินออกจากตรงนั้น ซักพักได้ยินเสียงกรี๊ดดดดดดด ดังขึ้น จิ้งจอกซึ่ง ณ ตอนนั้นอยู่ในแถวแล้ว

จะแล่นออกมาก็ไม่ได้จึงได้แต่ยืดตัวดู ก็เล็งไปเห็นเหล่าบรรดานักเต้น แด๊นเซอร์บ้าง ไม่เซอร์บ้างทั้งหลายเดินมาเป็นกลุ่ม

ก็เริ่มตัดใจอย่างจริงจังว่าเค้าไปกันอีกทางแล้วแน่เลย

จนกระทั่งจิ้งจอกก้อยแก้วไปเอากระเป๋าตกค้าง แล้วก็ค่อยๆเดินออกประตู เห็นบรรดาแฟนคลับต่างก็ยืนรอกัน

เราเองด้วยความที่ก็โดนหลอกมาเหมือนกันเลยบอกเค้าไปว่า “เค้าไปทางอื่นแล้ว” ยังไม่ทันที่จะสิ้นเสียงคำพูด

ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดตามมา ทั้ง 7 หันชวับทันที แต่ก็ต้องหันกลับมาเพราะเดากันเองว่าแดนเซอร์แน่นอน

แล้วซักพักก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อ คิม ฮยอน จุง ... คิมฮยอนจุง . เสียงกรี๊ดดๆ แต่เราทั้ง 7 เหรอ

“แดนเซอร์”

พร้อมกับเดินออกมาเรื่อยๆ เพราะว่าเลี้ยวออกคนละทาง แต่มี 2 จิ้งจอกที่วิ่งตามเสียงกรี๊ดนั้นไป

แล้วสุดท้ายยังไง ก็จุงอ่ะดิเดินตามหลังออกมา แค่เพียงไม่ถึง 1 นาทีก็คลาดกันอย่างที่ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่ออย่างที่สุด

เสียดาย เสียใจที่ไม่รอ เสียใจที่ทำไมไปเชื่อแค่ท่าทางของคนคนนึง เดินนอยๆกันออกมาทั้ง 7 คน เพื่อจะเดินทางต่อไปที่พัก

แต่แล้วก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ....


เมื่อเหล่าจิ้งจอกกำลังจะเดินทางขึ้นรถบัส ก็มีหนุ่มถึงขากล้องคนนึงเดินตรงมาทางเราแล้วก็พูดภาษาอะไรซักอย่าง

เห็นจิ้งจอกเจ้4 พูดเป็นภาษาญี่ปุ่นก็เลยนึกว่าเป็นคนญี่ปุ่นมาถามทางเลยไม่ได้สนใจ

แต่ไม่ใช่นี่นา เค้าพูดๆอะไรที่เป็นเกาหลีซักอย่าง “ดับ เบิ้ล เอส โอ กอง อิล ....”

เฮ๊ยยยย .... เค้าพูดชื่อวงน้อง อะไรยังไง แล้วเราทั้ง 7 ก็เริ่มสื่อสารกับเค้าด้วยภาษาทั้งหมด ล้านแปดภาษา

ภาษามือ เกาหลีงูๆปลาๆ และภาษาอังกฤษ ซึ่งเจ้าตัวฟังไม่ออกและพูดไม่ได้เลยซักกะติ๊ด

เค้าพูดๆว่า “แม ริ ออท ... ดับเบิ้ลเอส โอกอง อิล ....” ซึ่งเราก็พยายามจะเข้าใจอย่างมาก

สุดท้ายได้ความประมาณว่า เค้าจะหาทางไปโรงแรมแมริออท แต่ไม่รู้ว่าไปยังไง เค้าหยิบใบจองโรงแรมขึ้นมาให้ดู

แล้วจิ้งจอกก็ถามเค้าไปว่า “ยู เป็น ใคร” เค้าก็พูดประมาณว่า มาจาก ดับ เบิ้ล เอส โอ กอง อิล ทีม

แต่จิ้งจอกอีกท่านได้ยินว่ามาจาก ช่อง SBS (เอาเข้าไป สื่อสารกันลำบากมากกกก) แต่ในที่สุดเราก็ได้ความอย่างชัดแจ้ง

เมื่อเค้าพูดอีกรอบว่าเป็นทีมงานของน้องๆ จิ้งจอกสาวพราวด้วยเลห์ก็มองหน้ากัน เดี๋ยวเราพาไปส่งที่โรงแรมมั๊ย(แบบว่ายอมเสียสละตั๋วรถเมลล์ที่ซื้อกันมาเลยทีเดียว)

แต่เค้าบอกว่าไม่เป็นไร แล้วเค้าก็โค้งขอบคุณ และกำลังจะเดินจากไป แต่ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

จิ้งจอกก้อยเห็นท่าทางว่ามันต้องได้มากกว่านี้ซิ เค้าเป็นทีมงาน หันไปหาสมาชิกจิ้งจอก เอาไงจะฝากอะไรให้น้องบ้าง

มือรีบหยิบนามบัตรบ้านจุงแสนสวยออกมาแล้ววิ่งไปหาเค้า ยื่นให้เค้า แต่เค้าก็ทำท่างงๆๆ

ไม่รู้จะทำไงก็เลยบอกพร้อมยื่นนามบัตรไปว่า “For คิม ฮยอน จุง ชี ... คิม ฮยอน จุง .... แทกุกแฟน”

คำศัพท์ที่รู้มีเท่านี้ พูดไปได้เท่านั้น เค้าก็หยิบนามบัตรไปอ่าน คงเห็นชื่อเว็บแล้วเค้าก็หันมา พร้อมกับพูดว่า

“อ๊า.... ฮยอน จุงนี่....” แล้วเค้าก็ทำท่ายื่นนามบัตรแล้วก็บอกชื่อจุง “ฮยอนจุงนี่ .... (ยื่นนามบัตร แสดงว่าเค้าเข้าใจแล้วว่าต้องยื่นให้จุง)”

ทั้ง 7 ก็ตะโกนออกมา “เยสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส” เค้าก็เข้าใจพยักหน้า แล้วก็บอกว่า

See you in concert” แล้วก็หันหลังไป

ก้อยไม่รอช้าตะโกนตามหลังต่อไปเลย “Tell him … kim hyun joong ซารางเฮโย...” เค้าก็ดี๊ ดีหันมายิ้มด้วย

และแล้วก้าวแรกขอการออกสื่อของจิ้งจอกทั้ง 7 ก็เริ่มต้นขึ้น


วันที่ 11 นั้นจิ้งจอกสาวสวยทั้ง 7 ออกเดินทางท่องเที่ยวเกาะฮ่องกงตามประสานิสัยสาวๆ

ไหว้พระขอพร (ให้ได้เจอผู้ชาย) ช้อปปิ้งเพื่อซื้อของ ซื้อรองเท้าบูธสวยงามเพื่อต่อเติมส่วนสูงให้กับตัวเองตอนต้องยืนดูคอนเสิร์ต

เราทั้ง 7 ใช้เวลาไปอย่างมีความสุขในวันนั้น ซื้อของกันพอสมควร เพราะว่าเรามีนัดกับสาวๆจากสิงคโปร์ ออสเตรเลีย และอเมริกาที่ร้านอาหารร้านนึง

เมื่อถึงเวลานัดหมายประมาณ 5 โมงเย็น จิ้งจอกทั้ง 7 ก็เดินทางไปยังร้านคาเฟ่ Epoch ตามนัดเพื่อทำภารกิจสร้างเครือข่าย

ไปถึงก็เจอกับ TripleS สิงคโปร์ประมาณส่วนนึง ก็แนะนำตัวกันไป ความรู้สึกเหมือนมางานมี้ทติ้งยังไงยังงั้น

เราก็คุยกับเพื่อนๆชาวถั่วเขียวไปเรื่อยๆ ซักพักก็มีเจ้าของงานพาหญิงสาว 2 คนมาให้รู้จัก

2 สาวเดินทางตรงมาจาก New York เพื่อดูคอนเสิร์ตกันเลยทีเดียว แล้วที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ 2 สาวนี้เป็นคนไทย

ที่ไปเกิดที่นั่นแล้วชอบจุงจ๋าที่รักจากรายการ WGM ทั้ง 2 ต้องเดินทางกลับมาเยี่ยมไทยและก็เลยมาดูคอนที่นี่ด้วย

ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้เจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา ในงานนี้เราก็ได้แลกของเล็กๆน้อยๆ (นามบัตรบ้านจุง) แล้วก็ขยายเครือข่ายออกไปอีก

จิ้งจอกทั้ง 7 อยู่นานไม่ได้เพราะว่าต้องไปซื้อเครื่องแต่งกายให้จิ้งจอกฝน อิอิ จิ้งจอกฝนบอกพวกเราว่า

“สวยเพื่อน้อง งานนี้ลุยเปรี้ยวยกแก๊ง” (เหม็นเปรี้ยวววยกหมู่คณะ 5555+++++)

เราก็เลยแยกตัวจากงาน ล่ำลากัน แล้วก็ตรงไปช้อปปิ้งกันต่อ คืนนี้ต้องเตรียมของหลายอย่างเพราะว่าเช้าวันที่ 12 นั้น

รักเรารออยู่ที่ The Marriott --- ที่พักของ 7 จิ้งจอกของคืนวันที่ 12 นั่นเอง

เช้าวันที่ 12 ที่แจ่มใส อากาศไม่หนาวอย่างที่คิด ตื่นขึ้นมาจาก Guesthouse ใจกลางเกาลูน

ใจพร่ำเพ้อ จะได้เจอจุงแล้วในวันนี้ จะได้นอนด้วยกัน ...... เอ๊ยยย นอนที่เดียวกัน แล้วคืนนี้

จิ้งจอกทั้ง 7 มีอาการตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก รีบเก็บข้าวของที่ต้องขนไปให้เรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง

วันนี้จิ้งจอกก้อยขอเปรี้ยว เนื่องจากไม่อาบน้ำ ... 5555+ ไม่ช่ายยยย ขอเปรี้ยวทำสวย ม้วนผมงดงาม

ด้วยช่างผมแก้วซาลอนและผู้ช่วยพี่เป้ยและฝน (หุหุ เป็นทริปที่หลากหลายเจงๆ)

เมื่อเดินทางมาถึงเกาะดิสนีย์ ที่ตั้งของ Asia World Expo เราก็เห็นที่ตั้งโรงแรมอยู่ใกล้ๆกัน ใช้เวลาเดินทาง 5 นาที

เราทั้ง 7 ไปถึงยังเช็คอินไม่ได้เพราะยังไม่ถึงเวลา ก็ได้แต่ฝากกระเป๋าและนั่งรอเวลา คาดว่าน้องๆและจุงต้องออกไปซ้อมในอีกไม่ช้าไม่นาน

ในบริเวณโรงแรมก็เต็มไปด้วยกลิ่นถั่วเขียวอบอวลไปหมด เห็นท่าจะไม่ได้การ ถ้าต้องนั่งรออย่างเดียว

จิ้งจอกพี่เป้ยเริ่มเดินรอบๆ จิ้งจอกก้อยก็ตามออกไปด้วย เราทั้ง 2 เดินไปด้านนอกโรงแรมพร้อมกับปรึกษาหารือว่า

มันต้องมีทางออกอีกทางสิน่า เค้าไม่น่าจะออกด้านหน้า และแล้วทั้ง 2 ก็เดินวนไปทางด้านล่าง อ้อมโรงแรมไปด้านหลัง

หารถตู้ที่จิ้งจอกพี่เป้ยเห็นที่สนามบิน และแล้วโชคก็เข้าข้างเมื่อหันเดินไปเจอพอดี ป้ายทะเบียนล่ะ ตรงเป๊ะ

ไม่คิดมากหันหลังกลับไปเรียกพรรคจิ้งจอกทันที เพื่อไม่ให้เหล่าบรรดาถั่วเขียวแตกตื่น

เราก็ได้วางแผน กระจายกำลัง (555+++ เหมือนจะไปรบเลยง่ะ) เพื่อค้นหาความจริง


ด้วยความกล้าบวกกับความบ้าคลั่งรัก ก็สั่งให้พี่เป้ย ก้อย เดินตรงที่ที่รถตู้จอด แล้วเราก็เห็นประตูทางออก ซึ่งแน่นอน

ต้องเป็นทางออกของเหล่าหนุ่มๆ คนขับรถใส่ป้ายเขียนว่า “SS501 Asia Persona All Access” คงไม่ต้องถามว่าใช่หรือไม่

เราตัดสินในเดินเข้าไปทางประตู ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีเจ้าหน้าที่มา เราเดินกันไปเนียนๆเสมือนหนึ่งเป็นคนในทีมงาน

ในใจก็กลัวว่า ถูกจับได้ขึ้นมาเนี่ย จะได้ดูรึเปล่าเนี่ยคอนเสิร์ตหรือว่าจะได้ไปฮ่องกงจริงๆ

ไม่รอช้าอีกแล้วกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นไหนก็ไม่รู้เดามั่วๆ ไปชั้น 15 ละกันสูงสุด

จิ้งจอกพี่เป้ยรอกำลังเสริมไม่ได้ขึ้นมากับจิ้งจอกก้อย แก้ว และเจ้4 เมื่อประตูลิฟท์เปิด มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงยืนอยู่ทำท่าตกใจมากมาย

จิ้งจอกก้อยต้องแสดงละครต่อ “Oh!... we want to get to the lobby… do you know which floor?” พูดไปพร้อมกับทำหน้าแบบว่า “หนุหลงทางอ่าค่า”

เค้าไม่สงสัยก็แปลก เพราะนี่มันลิฟท์ขนของ ไม่ใช่ลิฟท์โดยสารปกติ แล้ว 3 สาวนี่มาได้ยังไง

เรารีบกดลิฟท์ไปด้านล่างแล้วก็ไปเจอกับการ์ดโรงแรมเข้า เค้าเห็นเราก็บุ้ยบ้ายพูดภาษาอารายฟังไม่ออก

เราก็เนียนทำหน้าตาเฉยชาเดินออกไป ในใจการ์ดคงนึกด่าว่าพวกนี้มันบุกเข้าไปได้ยังไงกัน

เราทั้ง 7 จึงได้วางแผนกันใหม่โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือจิ้งจอกรู และจิ้งจอกถ้ำ

จิ้งจอกรูนั้นจะอยู่ทำการบริเวณหลังผ้าใบที่มีรูเป็นหย่อมๆ โดยบริเวณนี้จะอยู่ตรงกันกับที่จอดรถพอดีและอยู่นอกรั้วออกไปเพราะเป็นพื้นที่ก่อสร้าง

ส่วนจิ้งจอกถ้ำนั้น ยืนอยู่ในซอกตึกซึ่งเป็นทางเข้าห้องคอนโทรลอะไรซักอย่าง

ภารกิจของจิ้งจอกรูคือรายงานข่าวว่าออกมาหรือยังและเตรียมถ่ายรูปมาให้ได้

จิ้งจอกถ้ำนั้นจะทำหน้าที่ในการชูป้ายผ้าที่นั่งหลังขดหลังแข็งทำเย็บมากับมือ เมื่อรถตู้แล่นออกมาเพื่อให้น้องๆได้เห็นกัน


นั่งรอไปด้วยอาการสั่น เพราะลมแรงแบบชนิดพัดจิ้งจอกฝนปลิวได้เลย และก็อากาศเย็นอย่างมาก

ดีหน่อยที่จิ้งจอกถ้ำสามารถหลบลมได้ แต่จิ้งจอกรูนี่สิต้องทนลมทนความหนาวกันไป

รอกันอยู่พักใหญ่ จากชั่วโมง เป็น 2 เป็น 3 ล่วงเลยเวลาเที่ยงมานาน ข้าวยังไม่ตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า

แม้แต่น้ำก็ยังไม่ทันได้กินได้ดื่ม จะบ่ายสองแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววใดๆ แต่เริ่มมีการ์ดเดินวนมารอบๆ

คนขับรถก็ทำท่าเนียนออกมาสูบบุหรี่แล้วก็มาด้อมๆมองๆ ยกโทรศัพท์รายงานอยู่เรื่อยๆ

ตอนนั้นก็เริ่มมีถั่วเขียวต่างชาติมายืนๆกับเราด้วยบ้างเหมือนกัน

จิ้งจอกก้อย พี่แก้วและฝน เริ่มหนาวมากขึ้น ก้อยเองซึ่งเป็นภูมิแพ้อยู่เดิมเริ่มเกิดอาการจามและน้ำมูกไหลตลอดเวลา

ผู้ชายเหรอก็อยากเจอมากมาย แต่ร่างกายก็แทบจะไม่ไหวแล้ว ซักพักการ์ดคุณอ้วนก็เดินมาไล่

ตอนแรกไล่ถั่วเขียวต่างชาติไปด้วยภาษาจีน แล้วก็หันมาไล่เราทั้ง 3 ซึ่งฟังไม่ออก คุณเผือกคุณมันก็เลยพูดภาษาอังกฤษว่า

Get OUT

ได้ยินอย่างงี้แล้ว จี๊ดดดดดดดดมากกกกก อันนี้แถวบ้านเรียกไล่สุนัขอ่ะค่ะ แต่ทำไรไม่ได้ก็เลยเดินออกมายืนกลางแจ้งท้าลมกันไป

ยืนได้ซักพักก็เลยตัดสินใจโทรหาจิ้งจอกรูว่า จิ้งจอกถ้ำจะไปเช็คอินและขนกระเป๋าขึ้นไปให้ก่อน ฝากรอดูน้องๆด้วย

ด้วยความเหนื่อยทั้ง 3 สาวก็ผล็อยหลับรอในห้องสุดหรูของโรงแรม 5 ดาว

ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงออดดัง เปิดประตูออกไป สิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มของจิ้งจอกรูทั้ง 4 สาว ก็ให้แน่ใจแล้วว่าได้เห็นน้องแน่ๆ

ทั้ง 4 เดินเข้ามาด้วยอาการที่ตื่นเต้น มือไม้สั่น และเล่าให้ฟังด้วยความตื่นเต้น (หาอ่านได้จากนิราศพี่ไอซ์และเรื่องเล่า Virus 06’06’ ของเจ้ ... เอ่ออ ไม่มีรายปักษ์นะคะ 55)

เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าและเห็นรูป (หาดูได้จากบ้านใหญ่) ที่จิ้งจอกสาวเราสามารถเก็บมาได้ก็เห็นสมควรแก่เวลา

ต้องออกไปที่สถานที่จัดงานแล้ว แต่ก่อนอื่นต้องแต่งองค์ทรงเครื่อง พร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องเล่นที่เราได้ขนจากสำเพ็งไปฮ่องกง

งานนี้บ้านจุงไทยแลนด์พร้อมออกสื่อทุกรูปแบบ เพราะเราพร้อมด้วยอุปกรณ์ และ หน้าตา 55555++

อุปกรณ์เราประกอบไปด้วยที่คาดผมมิ้กกี้เรืองแสงสีเขียว ที่คาดผมเป็นเขา เรืองแสงสีเขียว ที่คาดผมสปริงรูปซานตา แว่นตารูปขวดเบียร์สีเขียวเขียนชื่อ ฮนอยจุงติด แท่งไฟ จมูกกวางเรนดียร์สีแดง เสื้อทีมรักจุงสีขาว และไฟเรืองแสงติดนิ้ว

การที่เราเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ไปเพราะว่าเราได้รับข่าวจากทาง HKTripleS ผ่านเพื่อนเครือข่ายที่แสนดีของเราว่า

จะเป็นการเฉลิมฉลอง Christmas ก็ให้เตรียมไปด้วยก็ได้

แต่งตัวกันเรียบร้อย มองหน้ากันแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้เพราะว่า จิ้งจอกพี่ไอซ์หยิบที่คาดผมมิ้กกี้มาใส่ จากนั้นก็ใส่กันทุกคน น่ารักไปอีกแบบ

พวกเราทั้ง 7 จะเดินออกจากโรงแรม 5 ดาวแบบนี้กันเลยทีเดียว อุปกรณ์ทุกอย่างที่ว่ามาอยู่บนเรือนร่างของทั้ง 7 คนหมดเลย (คิดดูกันนะว่าสื่อยังต้องอายพวกนี้)

เราออกเดินทางไปที่ Asia world Expo เวลาประมาณ 5 โมงเย็นได้

สายตาของกลุ่มคนที่เห็นเราทั้ง 7 นั้นบ่งบอกได้เลยว่า “พวกนี้มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”

แต่ยึดคติไม่แคร์สื่อเพราะสื่อไม่เคยแคร์เรา พวกเราทั้ง 7 เดินออกจากโรงแรมด้วยความมั่นใจอย่างมาก

สายตาของคนแถวนั้น มองแล้วก็อมยิ้มไปด้วย แสดงว่าเค้าเห็นว่าน่ารักเจงมั๊ย

เราเดินไปเป็นจุดเด่นอย่างมาก เพราะว่าเสื้อสีขาวตัดกับหัวมิ้กกี้เมาส์สีเขียว ห้อยป้ายไฟที่คอ สวมไฟเรืองแสงที่นิ้วมือ

เหน็บแว่นตาขวดเบียร์ที่หน้าอก

เดินแป๊บๆก็ถึงสถานที่จัดงาน เราก็เห็นสาวๆเข้าแถวกันยาวมากๆๆๆๆ ต่อแถวเข้างานกันเหรอ อ้าวไม่ใช่นี่นา ต่อแถวซื้อของหน้างานคอน

7 จิ้งจอกไม่รอช้ารีบเดินลงไปดู แต่เล็งเห็นแล้วว่า ไม่มีอะไรที่เรายังไม่มี (แบบว่างกนั่นเอง ม่ายช่ายยย เพราะว่าไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี)

เดินไปเรื่อยๆก็เห็นบรรดาแฟนคลับจากเว็บต่างๆตั้งซุ้มถ่ายรูปแจกของที่ระลึก ไม่รอช้ารีบเข้าไปทันที

ระหว่างทางก็มีเว็บไซด์มากมายที่เห็นจิ้งจอกทั้ง 7 มาเป็นเซ็ตน่ารัก ก็เข้ามาแจกนามบัตรให้

งานนี้เลยเป็นงานแนะนำตัวเองต่อชาวโลก (เวอร์ดี) ไปทันที

7 จิ้งจอกสาวเดินมาจนถึงซุ้มของ KHJInternational forum website จิ้งจอกพี่เป้ยก็เดินมาสะกิดก้อย

“ก้อยๆใช่ทีมงานน้องที่เราเจอที่สนามบินหรือเปล่า”

ก้อยก็ผละจากกลุ่มนั้นเดินไปพร้อมกับพี่เป้ย ไปดูหน้าเค้าแล้วก็ “เฮ๊ย ใช่เลยอ่ะพี่”

เค้ากำลังถือกล้องถ่ายวิดิโอ แล้วก็กะลังถ่ายแฟนเพลงคนนึงที่กำลังเขียนข้อความใส่กระดาษอยู่

จิ้งจอกก้อยไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปใกล้ๆเสนอหน้าอย่างเห็นได้ชัด

พอเค้าหันหน้ามาเราก็โบกมือให้เค้า ตอนแรกท่าทางจะยังจำไม่ได้ แต่ซักพักเค้าก็ร้องขึ้นมา

“อ๊า...............” พร้อมกับชี้ที่ก้อย (แสดงว่าจำได้แระ)

ก้อยก็เลยสื่อสารงูปลาข่าขิงไปอีก “คิม ฮยอน จุง ....อ่า... name card… do you give it to him”

พร้อมกับหยิบนามบัตรออกมาด้วย

เค้ามองเห็นนามบัตรเค้าก็ร้องออกมาอีกว่า “อ๊า..... เย่ เย่... ฮยอน จุง นี่....” แล้วเค้าก็ทำท่ายื่นนามบัตร

แสดงว่าเค้าเอาให้จุงที่รักไปแล้ว ได้ยินได้เห็นเท่านั้น 7 จิ้งจอกสาวก็กรี๊ดขึ้นมาพร้อมกัน พร้อมกับบอกขอบคุณเค้าอีกครั้ง

เราทั้ง 7 ดีใจอยู่ซักพักแล้วก็กำลังจะเดินไปดูซุ้มอื่น ทีมงานน้องก็เดินมาทางเราอีกที

มาทำไมเหรอ .... ลุ้นมากเหมือนกัน

เค้าถือกล้องแล้วก็พูดเกาหลี (แล้วตรูจารู้เรื่องม๊ายยยพ่อคู้นนน) ประมาณว่าจะถ่ายพวกคุณนะ

เท่านั้นแหล่ะ จิ้งจอกแต่ละคนก็กางพร๊อบออกให้พร้อม ที่คาดผมก็ติดไฟพร้อม

ที่นิ้วก็เปิดไฟ แท่งไฟมีกันกี่แท่งก็เปิดหมด กางป้ายผ้า 2 อันที่ทำมา แล้วจากนั้นเค้าก็บอกให้เราพูดว่า

“ดั๊บ เบิ้ล เอส โอ กอง อิล welcome to Hongkong แทกุก กุ๊กกุเซโย (หรือไรเทือกๆนี้แหล่ะ)”

เนื่องจากเราจิ้งจอกแทกุก ฟังเค้าไม่ออกตอนแรก อะไรกุ๊กๆหว่า ก็ใช้เวลาซักครู่ในการออกเสียง

เค้าก็สอนการออกเสียงให้ 5555++ คนแถวนั้นก็มองมาที่เราอย่างเดียว เด่นๆๆชอบๆๆ

เค้าบอกให้พูดเสร็จแล้วก็ให้ ร้อง “เย้.....” อะไรทำนองนั้นแหล่ะ

พอจะเริ่มต้นถ่าย จิ้งจอกสาวอย่างเราก็เปรี้ยวได้อีก นับไปเลยสิ “ฮานา ทูล เซ็ด”

เฮียเค้ามองหน้าแล้วก็พูดว่า เดี๋ยวเค้าจะ “ฮานา ทูล เซ็ด เอง “ ก๊ากกๆๆๆๆ ฮากว่านี้มีอีกมั๊ย

พอเริ่มถ่ายเทคแรก “ดับ เบิ้ล เอส โอกองอิล แทกุก๊ก..... เย้ !!!!!

เค้าบอก Cut !!!! เอ้า ไม่ใช่หรอกเหรอ เค้าเลยบอกประมาณว่าให้พูดว่า “Welcome to Hongkong” ด้วย

อ้อ เครๆๆ เอาใหม่ๆๆ เทค 2 เริ่ม “ดั๊บ เบิ้ล เอส โอ กอง อิล welcome to Hongkong แทกุก กุ๊กกุเซโย เย้!!!!!!

แล้วเค้าก็แพนกล้องไปมา จิ้งจอกทั้ง 7 ก็เล่นหูเล่นตากับกล้องไปสิ ตบท้ายด้วยก้อยก็ตะโกนออกไปอีก

“คิม ฮยอน จุง ซารางเฮโย.....” เป็นอันจบการออกสื่อเกาหลีอย่างเป็นทางการของบ้านจุงไทยแลนด์

งานนี้ไม่รู้ว่าจะไปโผล่ที่ไหน ยังไง แถมไอ่ที่ให้พูดมันแปลว่าอะไรก็ไม่รู้ แต่อยากออกสื่อ ฮ่าๆๆๆๆ

คิม ฮยอน จุง ไทยแลนด์ ตอนนี้โกอินเตอร์แล้วจ้า


เราทั้ง 7 หิวมากเลยไปจะเดินไปหาอะไรรองท้องก่อนจะไปเข้าแถวเข้างาน เดินไปแป๊บๆก็ไปเจอกับเพื่อน SgTripleS

ซึ่งเมื่อเค้าเห็นเราก็ขอถ่ายรูปทันที มีหรือที่สาวๆเราจะรอช้า รีบหยิบป้ายผ้า เปิดแท่งไฟ ทุกอันที่มี

จากนั้นก็มีกล้องมาถ่ายอีก 2 -3 ตัว 55555+++ ชอบๆๆๆ ถ่ายเยอะๆ

ไปถึงร้านอาหารก็เลยสั่งมานั่งกินกัน ซักพักได้ยินเสียงซ้อมร้องเพลงดังขึ้น เสียงเพลง Please be good to me

เท่านั้นก็แทบจะบ้าตายยยย มีจุงมานั่งร้องเพลงกล่อมตอนกินข้าววววววว

ที่ไหนจะสุขไปมากกว่านี้ นั่งกินไป ฟังจุงจ๋าร้องเพลงไป แฟนๆเริ่มจับจองที่นั่งเพื่อฟังเพลง

มีถั่วเขียวต่างชาติคนนึงไปยืนติดกำแพง จากนั้นก็ดิ้นประหนึ่งว่าโดนน้ำร้อน แล้วก็กรี๊ดๆๆ แล้วก็โทรหาเพื่อน

อืมๆๆ ก็เป็นสีสันไปอีกแบบ แต่ที่แน่ๆสาวๆจิ้งจอกทั้ง 7 นั่งจิ้นส่วนตัว หน้าตาเปื้อนรอยยิ้มฉีกจะถึงหูได้เลย

น้องมาร้องเพลงให้ฟังข้างๆแบบนี้มันช่างสุขใจเสียนี่กระไร

อิ่มท้องก็พร้อมออกเดินทางไปยังที่ที่ต้องรอเข้าแถว การที่เราเดินไปเป็นกลุ่มมันเด่นได้อีก

เราไปเจอกับเว็บไซด์เกาหลี 2 -3 ที่ ซึ่งเค้าเห็นชื่อที่เขียนที่เสื้อเค้าก็เอาของมาแจกเอานามบัตรมาให้

เป็นความรู้สึกที่ดีเอามากๆเลยทีเดียว ได้ฤกษ์สมควรแก่เวลาจิ้งจอกสาวทั้ง 6 ก็เดินไปเข้าแถวยืน

ส่วนจิ้งจอกเจ้4นั้นแยกตัวไปโซนนั่ง

แค่เราเดินไปเข้าแถวคนที่นั่งรออยู่แล้วก็หันกันเป็นแถบๆ ฮ่าๆๆๆ อายมั๊ย ----- ม่ายยยยยยยยเล๊ยยย

มาถึงตอนนี้จิ้งจอกทั้ง 6ก็รอวิ่งควายเข้างาน แต่คนไม่เยอะและแถวก็สั้นมาก

เมื่อมาเริ่มต่อแถวเพื่อเข้าไปในหลุมก็เล็งเห็นว่าคนไม่เยอะเท่าไหร่นัก เอ แปลกๆ ไหนว่าบัตรยืนขายหมด
แต่ทำไมคนไม่ได้เยอะอย่างที่คิด ก็ไม่รู้ล่ะ ได้ยืนตรงไหนก็ยืนละ
พอเจ้าหน้าที่เปิดประตูให้เข้าไป ถั่วเขียวต่างชาติก็กรูกันรีบวิ่ง จนบางคนถึงขนาดถอดรองเท้ากันเลยทีเดียว
อะไรจาาขนาดน้าานนน พวกเรา 7 จิ้งจอกก็ค่อยๆเดินไปเรื่อย พอเข้ามาถึงในหลุมก็ให้ตกใจ
เพราะว่าตอนเดินเข้ามาก็เกือบจะเป็นกลุ่ทสุดท้ายแล้วด้วย แต่ในหลุมนั้นโล่งมากกกกกกกก
โล่งอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นดังนั้นไม่รอช้า รีบไปจับจองพื้นที่ทันที เพราะเรารู้ว่าจุงนั้นจะเดินมาด้านไหน

บรรยากาศคงไม่ต้องบรรยาย สาวๆตื่นเต้นกันยกใหญ่
จิ้งจอกฝน มองซ้าย ขวา สลัดความเปรี้ยว ถอดบูธออก อิอิ เพราะเริ่มปวดเท้า
ที่ฮ่องกงมีประกาศว่าห้ามบันทึกการแสดงโดยเด็ดขาด แต่ถ่ายรูปไม่ว่ากัน
กล้องก็เลยพรึบพรับเต็มไปหมด

ซักพักเสียงเริ่มเงียบ ไฟเริ่มลดแสงลง คนเริ่มกรี๊ดดดดด
เอ จะโผล่มายังไงหว่า ยังไม่ทันขาดคำ ทั้งฮอลก็กระหึ่มไปด้วยเสียงกรี๊ดดดด

spotlight ก็ส่่องไปบนเวที
แม่เจ้าโว๊ยยยยยยยยยยย โหนตัวลงมาดั่งเทพบุตร เหมือนกับที่เกาหลียังไงหยั่งงั้น

ตอนนี้เสียงมีเท่าไหร่กรี๊ดใส่ไปหมด จุงหล่อแบบบรรยายเป็นภาษาอะไรก็ไม่ได้ง่ะ
แล้วก็อย่างที่ได้รับรายงานสดกันไป ร้องเพลงกลุ่มสลับโซโล

แต่อย่างที่บอกน้องเดินมาทางเราบ่อยมากมาย ได้เห็นรอยยิ้มใกล้ๆอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ใกล้มาก
เพราะว่าเวทีไม่สูง จุงอยู่แค่เอื้อมจริงๆ

ร้องเพลงไปหลายเพลง จิ้งจอกก้อยก็เริ่มตีสนิทกับพี่การ์ดด้านนอก หวังเพียงได้กินน้ำในขวดที่เขาเตรียมไว้
แบบว่างานคอนเข้าไม่ให้เอาน้ำเข้า
จิ้งจอกทั้ง 7 พูดคุยกับการ์ดอย่างสนุกสนาน เฮฮา

ทุกๆคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอโซโลของจุงกันทั้งนั้น
แต่ก่อนจะโซโลจุงนั้น ก็ละลายกะรอยยิ้มพิมพ์ใจของจองมิน
คนอาร๊าายยยยยยยยยิ้มสวยมากมาย แบบว่าน่าร้าาาาาาาากกกกก

พอเริ่มโซโลจุง อย่างที่เคยเล่าในคอนไต้หวัน ฉากบนสกรีนที่กล้องแพนขึ้นไปเรื่อยๆ
เจอคัพดี เท่านั้นสาวๆฮ่องกงก็เกิดอาการสติแตกได้ทันที
จิ้งจอกไทยทั้ง 7 ก็แทบจะเป็นลมไปทันที

จุงออกมาเต้นโซโลด้วยความเซ็กซี่เช่นเดิม พิสูจน์ได้จากรูปจิ้งจอกเจ้ 4
ครั้งนี้จุงจ๋าที่รักเปลี่ยนแนวการกระชากเสื้อแบบใหม่

หรือนี่เป็นสาเหตุให้เจ้ได้มาซึ่งภาพอัน อู้หู หว่าาา คริ คริ

พอจุงจ๋ากระชากเสื้อก็ทำให้จิ้งจอกไม่เป็นอันอยู่นิ่งเฉยได้เรยยยยย
กรี๊ดดดดดด จนเสียงแทบไม่มี จุงนั้นฟิตปึ๋งปั๋งกว่าเกิมเยอะมาก
กล้ามเป็นมัน กล้ามหน้าท้อง กล้ามหน้าอก กล้ามตรงนู้น ตรงนี้ อ๊าายยยยย

อิ่มจุใจกันไป

อ้ออ ในระหว่างที่เล่นคอนอยู่นั้น

คุณพี่ทีมงานที่ทำให้พวกเราออกสื่อก็เดินเข้ามาในหลุมที่พวกเราอยู่กัน

เค้าก็เข้ามาถ่ายบรรยากาศภายในหลุม จากนั้นเค้าก็หันมาเจอจิ้งจอกทั้้ง7 อีก
จิ้งจอกสาวไม่รอช้า สื่อมาต้องสนอง เค้าก็แพนกล้องซ้ายทีขวาที
จิ้งจอกก็เล่นหูเล่นตาซ้ายที ขวาที

งานนี้ออกสื่อไหนรบกวนเก็บไว้ให้ด้วยนะคะ มาคิดย้อนไปแล้วก็นึกขำว่า
ทำไปได้ยังไง

คอนเสิร์ตดำเนินไปอย่างสนุกสนานเพราะน้องๆร้องเพลงในอัลบั้ม Rebirth หลายเพลง
Love Like This นั้นน้องมาในชุดสีม่วง หล่ออีกละ ได้เห็น L O V E ตรงหน้า
ได้ดูน้องเต้นตรงหน้า มีความสุขเหลือเกิน

งานนี้ทางจิ้งจอกก้อยได้รับข่าวมาก่อนหน้าที่จะเดินทางแล้วว่า
จะมีคอนเซปต์เป็น คริสมาส ฉะนั้นช่วงที่จะ Encore เค้าให้ร้องเพลง We wish you a merry Christmas 5 รอบ

พอตอนที่น้องๆเริ่มไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะ encore แฟนๆก็เริ่มร้องเพลง
แต่คงดังไม่พอ และน้องๆเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากันนานอยู่
HKTripleS ต่อด้วยการกระทืบเท้าเสียงดังสนั่นลั่นไปเลย

ไม่นานซานต้าดั๊บ และซานต้าจุงสุดหล่อก็ออกมา
เห็นจุงในชุดซานต้าก็เป็นบ้ากันไปได้อีก น่ารักเหลือเกิน

จิ้งจอกก้อยตั้งสติเพื่อที่จะทำภาระกิจสุดท้ายให้สำเร็จ
เนื่องจากจิ้งจอกก้อยซื้อผ้าพันคอหัวกะโหลกจากไทย กะว่าใส่เอง แต่สุดท้ายอยากเอาให้จุง

ก่อนเข้ามาในคอนก็เอานามบัตรบ้านจุงมัดติดอย่างแน่หนากับผ้าพันคอไว้
เพราะอยากให้เค้ารู้ว่าเป็นของบ้านจุงของเรา

ในใจก็เตรียมตัวว่าจะให้จุงยังไง จะนื่นยังไงให้น้องเอื้อมมาหยิบได้
เพราะจะไม่โยน
คิดได้ดังนั้นก็เลยหันไปคุยกับพี่การ์ดที่ยืนใกล้ๆ ชี้โบ้ยชีเบ้ไปที่จุงแล้วก็ชี้มาที่ผ้าพันคอตัวเอง
พร้อมกับพยายามอธิบายเค้าให้เค้าช่วยเอาผ้าไปวางไว้บนเวที

เค้าก็ส่ายหน้าบอกว่าทำไม่ได้ ก้อยเองก็ยกมือไหว้ขอร้องให้เค้าช่วยหน่อย เพราะยังไงซะก็ไม่อยากโยน
ต่อรองกันนานมาก เค้าก็ยิ้มแล้ววก็ส่ายหน้า

ตอนนั้นไม่รู้ว่าจุงอยู่ตรงไหนร้องเพลงอะไร เพราะกำลัวคุยกับพี่การ์ดให้รู้เรื่อง
พอไม่ได้อย่างงั้นก็ต้องคิดใหม่ว่าจะเอาให้จุงได้ยังไง

น้องร้องเพลง Coward เพลงที่ได้เห็นท่าเต้นดุ๊กดิ๊กน่ารักมากมาย

และแล้วน้องก็มาเต้นอยู่ตรงหน้าเลย โอ้วววววววววว น่ารักมากกกกกกก
ตอนนั้นเหลือจุงคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าก้อย ก้อยมองไปที่พี่การ์ดทั้ง 2 คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น
ถอดผ้าพันคอออกมาพร้อมกับยื่นให้พี่การ์ดแล้วก็ขอร้องเค้า ปากก็บอกว่า

"Please ...please .... please ... it's too far... please..."

พี่การ์ดเค้าก็ยิ้มอย่างเดียวพร้อมกับทำท่าให้ก้อยโยนขึ้นไป ก้อยก็ส่ายหน้าไม่อยากโยน
สายตาก็มองไปที่จุงเป็ฯระยะๆกลัวน้องจะเดินจากไปก่อน ปากก็เริ่มตะโกน

"คิมฮยอนจุง ฮยอนจุง คิมฮยอนจุง ...." ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร้องตะโกนไม่รู้จะร้องยังไง
จุงกะลังจะเดินไปก็เรียกอีกครั้ง พร้อมกับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย
เอาไงเอากัน ไม่รู้จะออกหัวออกก้อย
ก้อยก็ตัดสินใจม้วนผ้าแล้วโยนขึ้นไป

ผ้าไปตกอยู่ด้านหลังจุง จุงหยุดอยู่ตรงนั้นซักครู่ พร้อมกับหันหน้าลงมามอง

สายตาที่จุงมองลงมา "เย็นเฉียบบบบบบบบบบบบบ" ณ ตอนนั้นก้อยไม่รู้หรอกว่าเค้าคิดอะไรอยู่
จุงหันกลับไปมองผ้าพันคอ จุงหันหน้ากลับมามอง

ก้อยเองก็ชี้ไปที่ผ้าพันคอ แล้วก็พยายามสื่อสารให้จุงรู้ว่าของจุงนะ หยิบไปด้วย

จุงมองมาอีกรอบ แล้วก็..............เดินห่างไปทางด้านหน้าเวที

หัวใจหล่นดังตุ๊บ ความตั้งใจเกินร้อย หดหายหมด รีบมองตามไปด้านหลังก็เห็น เบบี้จุนเดินตามมา
คยูเดินมา ปากก็เรียกพร้อมกับพยายามชี้ให้เห็นผ้า

ไม่มีใครเก็บมันขึ้นมาเลย ณ ตอนนั้น

ก้อยก็ได้แต่ยืนมองเวทีที่มีผ้าอยู่ด้านบน ในใจก็หวังแค่ว่าเดี๋ยวแดนเซอร์คงมาเก็บไป

แต่ผ่านไปเพลงที่ 2 มันก็ยังอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม ...

ณ เวลาขณะนั้น ในใจก็อยากสนุกกับคอนมาก แต่ว่าหัวใจมันสั่นๆด้านในเรียบร้อยแล้ว

เห็นน้องยิ้มก็มีความสุข แต่มองขึ้นไปบนเวทีมันก็เศร้าเหลือเกิน
จนกระทั่งเพลงสุดท้ายจบลง ผ้าก็ยังคงอยู่ตรงนั้น

ใจที่สั่นๆเริ่มเต้นแรงขึ้น อยู่ดีๆก็มีน้ำใสๆคลอที่ตา
เสียใจจัง สายตาจุงที่มองมาแบบนั้น ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร
แต่เป็นสายตาที่นิ่งมากกกกกกกกกกกกกกก

บอกได้เลยว่า "กลัว"
เพลงจบคอนกำลังจะจบทุกคนมารวมตัวกันบนเวทีแดนเซอร์เิร่มเดินออกมา
ก้อยถอดใจไปละว่าคงไม่มีคนเก็บไปแน่นอน

ซักพักแดนเซอร์คนนึงที่เดินตามมาก็หยิบผ้าพันคอก้อยขึ้นมา
ใจก็เริ่มชื้นขึ้นมานิดหน่อย ไม่เป็นไรแล้วยังไงก็อยู่ในมือแดนเซอร์เป็นที่เรียบร้อย

พี่ๆต่างก็ปลอบใจก้อยกันทุกคน (ขอโต๊ดก๊าาบบที่ทำตัวนอย)
ก้อยเล็งผ้าพันคอกับแดนเซอร์คนนั้นไปเรื่อยๆ ไปด้านหน้า

แต่ไม่ทันไร ก้อยก็ไม่เห็นผ้าพันคอแล้ว มันหายไปแล้ว ไม่มีใครถืออะไรในมือ
ไม่มีใครพาดอะไรที่ไหล่ ผ้าพันคอก้อยยาวยังไงต้องเห็นชัด แต่นี่ไม่เห็นอะไรเลย

ที่ก้อยเห็นคือเห็นแดนเซอร์โยนผ้าเช็ดหน้าคืนให้แฟนๆ เท่านั้นแหล่ะ
หัวใจหล่นรอบสอง หรือเค้าโยนผ้าพันคอเราไปให้คนอื่นซะแล้ว ....

จนแล้วจนรอด ก็มองไม่เห็นผ้าพันคอตัวเอง

จนจุงแลเน้องๆเดินไปรวมตัวกันที่หน้าเวที พร้อมกับพูดว่า "See you in Thailand"

แล้วก็ได้ยินพูดอีกครั้งว่า "See you in Thailand"

ดีใจมากนะที่มีชื่อประเทศเรา ได้ยินน้องบอกจากปากว่า เจอกันที่เมืองไทย พอจุงโค้งคำนับแล้วก็ลับหายลงไป

บ่อน้ำตาที่มันเอ่อออมารออยู่นานก็แตกเลย ไม่คิดว่าจะร้องไห้ ไม่คิดจริงๆว่่าจะร้องไห้มากมานขนาดนั้น
นั่งยองๆลงพร้อมกับร้องไห้ออกมา

พี่แก้ว พี่ต้อย พี่ไอซ์ก็กรูเข้ามาปลอบว่า "มันต้องถึงมือน้องแน่นอน เค้าไม่โยนทิ้งหรอก"
ตอนนั้นบอกได้ว่าไม่รู้ว่าร้องไห้เพราะอะไร

เพราะว่าน้องไม่เก็บ หรือว่าเพราะว่าสายตาที่น้องมองมา หรือเพราะว่ากลัวแดนเซอร์โยนคืน

สับสนมมากมาย แต่ที่แน่ๆคือรู้ว่าเสียใจซักอย่าง เดินร้องไห้กลับมาที่โรงแรม
รอบข้างเค้ายิ้มแย้มมีความสุขกัน ก้อยเองก็มีความสุข สุขจนล้นเลยล่ะ
แต่ที่ร้องไห้น่ะ คงเป็นเพราะสายตาที่น้องมองมา

ก้อยกลัวสายตาแบบนั้นมากจริงๆ เพราะเป็นสายตาที่เดาไม่ได้ว่าเค้าคิดไรอยู่
จำติดตาเลย

มานั่งรอจุงที่โรงแรมพร้อมๆกับชาวถั่วเขียว ตอนนั้นก็พยายามปรับอารมณ์ตัวเองขึ้นมา
เพราะไม่อยากทำให้บรรยากาศคนอื่นขุ่นมัว
แต่ยากเหลือเกิน
ก้อยต้องรีบไปห้องน้ำแล้วร้องไห้ออกมาให้หมด ร้องออกมาเลยทีนี้ เอาออกมาทีเดียวให้เสร็จ
ออกมาจากห้องน้ำปวดหัวขึ้นมาทันที ...... เฮ้อออออ รักนี้สุขปนเศร้าเคล้าน้ำตาจริงๆ

จุงไม่เก็บอาจเพราะเค้าต้องร้องเพลง การที่ก้อยโยนขึ้นไปอาจจะเสียสมาธิ

หรือจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ก้อยเริ่มรวบรวมสติให้กลับมาเหมือนเดิม
(แต่ตอนนั้นได้ข่าวว่าถอดสร้อยแขน สร้อยคอ สร้อยหัวกะโหลกออกหมด ปานประหนึ่งเราเลิกกัน)

ซักพักที่สาวๆจากเว็บไซด์นึงนั่งข้างกันเค้าก็เอาติ๊กเกอร์จุงมาแจก

ในใจก็อยากได้ แต่ตอนนั้นงอลอยู่ พี่แก้วก็เก็บให้
พี่ต้อยจะเอานามบัตรบ้านจุงกะก้อย
ตอนแรกจะหยิบให้เอง แต่ในใจ "เค้างอลตัวอยู่"
เลยยื่นกระเป๋าให้พี่ต้อยหยิบเอง

เป็นไปได้ขนาดนั้นเชียวแหล่ะ

ไม่นานก็หายดีแล้ว ก้อยอ่ะ แต่ก็แค่เสียใจเท่านั้น อาจจะหวังมากไป ทั้งๆที่ก็บอกตัวเองเสมอว่าอย่าหวังมาก

พอหายดีก็ริ้กรี้ต่อไปได้อีก

บอกแล้ว เรื่องนี้ สุขปนน้ำตาของจริง


ไม่มีความคิดเห็น: