วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

เมื่อสมัยที่ยังเป็นเด็ก When I was YOUNG !!

วันนี้เข้างานมาก็เจอเรื่องหนักหัวสมอง ไม่เป็นอันทำอะไรทั้งสิ้น ฉะนั้นจะมีอะไรดีไปกว่าที่จะได้มานั่งขีดเขียน ระบายความรู้สึก ไม่รู้ว่าจะระบายให้ใครฟัง แต่มันก็ดีกว่านั่งเก็บงำ คิดไปเรื่อยอยู่คนเดียว

มานั่งนึกๆว่าจะเขียนอะไรน๊าวันนี้ เข้าไปดูข่าวจุง อืม... เงียบเหมือนเดิม ไม่อยากให้เงียบอย่างนี้หรอกนะ แต่ไม่มีอะไรเลยก็ทำให้โล่งใจไปได้เป็นวันๆ

เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วนะที่ติดตามผลงานจุง อืมๆมานั่งนึกดูก็นานเหมือนกันนะเนี่ย เกือบปีได้แล้ว ฮ่าๆๆๆ เหมือนนานเน๊อะ ทว่าคนอื่นเค้าอาจะนานกว่านี้ก็ได้หลายเท่านัก แต่ละคนก็มีเหตุผลในการเลือกชอบศิลปินคนใดคนหนึ่ง แต่ละคนก็มีเส้นทางตามศิลปินในดวงใจแตกต่างกันออกไป คนที่เห็นไม่เหมือนเราก็มีออกเยอะแยะ คนที่คอยจะคิดว่า "ไอ้พวกนี้บ้าขึ้นสมอง" ก็มีถมเถ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลเลย พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง รอบข้างนี่แหล่ะ ในใจเราก็ต้านเสมอ "แล้วจะทำไม มันเรื่องของชั้น" บางคนตามศิลปินมานับไม่ถ้วน บางคนก็จิตใจแน่วแน่มั่นคง รักเพียง 1 ทุ่มเทเพียง 1 ก้อยไม่คิดว่าตัวเองก็จะกลายเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเหมือนกัน

เอาละรู้แล้วว่าวันนี้จะมาเขียนเรื่องอะไรดี จะมาเล่านิทานให้ฟังกันหน่อยว่า "เมื่อสมัยที่ยังเป็นเด็ก" หนทางตามศิลปินก้อยเป็นยังไง

ย้อนไปเมื่อประมาณหลายปีมาแระ ก็เกือบ 12 ปีมาแล้วล่ะ สมัยนั้นยังเป็นเด็กมัธยมเปรี้ยมอมหวาน ฟังเพลง RS คุยเรื่องไร้สาระกัยกับเพื่อนๆไปวันๆ จำได้ว่าตัวเองมีเหตุใ้ห้ต้องเข้าโรงพยาบาล น่าจะเป็นไข้ขึ้นสูงมากจนเกือบช๊อค หมอเช็คดูปรากฎว่าไข้ขึ้นสูง 42 องศา ตอนนั้นนอนแทบไม่ได้สติ รู้แต่ว่าพอพยาบาลวัดไข้แล้วเห็นอุณหภูมิก็กดออดสัญญาณฉุกเฉินทันที ทั้งคืนพยาบาล 7 คนมาช่วยกันเช็ดตัวจนในที่สุดไข้ก็ลดลง (เฮ๊ย ...อารัมภบทยาวไปหน่อยมั้งเนี่ย) ก็เอาเป็นว่าเข้าโรงพยาบาลแหล่ะ แล้วในห้องที่โรงพยาบาลก็มีเคเบิ้ลทีวีให้ดู ตอนนอนพักฟื้นก็กดๆดูไปเรื่อยๆจนไปเจอเข้ากับ MTV นั่งดูรายการเพลงดู MV ไปเรื่อยๆก็ไปสะดุดเข้าให้กับกลุ่มนักร้องวงนึง MV เพลงตอนจบร้องท่ามกลางสายฝน ยืนกระจายอย่างเป็นระเบียบ 5 คน พอใกล้จะจบชื่อศิลปินกับชื่อเพลงก็เด้งขึ้นหน้าจอโทรทัศน์

Artist: Backstreet Boys
Song: Quit Playin' Games with My Heart

อืมๆๆๆ เพลงเพราะดี นัักร้องผมทองคนนั้นชื่อไรอ่ะ จากที่เป็นไข้ก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันตาเห็น นั่งๆนอนในโรงพยาบาลก็รอดูแต่ MV ของวงวงนี้ จนกระทั่งได้ Discharge ออกจากโรงพยาบาลก็รีบกลับไปที่บ้านรอดูรายการเพลงตามช่องเคเบิ้ลต่างๆ แล้วก็เริ่มทำความรู้จักกับ The Backstreet Boys มากขึ้น

เริ่มตั้งแต่เดินตามแผงหนังสือทั่วไป ไล่ซื้อหนังสือ POP มาอ่าน แล้วก็ไปซื้อเทปมาฟัง ค้นหาข้อมูลว่าวงนี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร นั่งดูจนติด ฟังเพลงจนร้องได้ทุกเพลง แล้วก็ชอบ Nick Carter อย่างล้นใจ จากที่คิดว่าชอบฟังเพลงเฉยๆ ก็เริ่มตามในทุกสื่อที่เค้าไปออก หนังสือนิตยสารเล่มไหนที่ลงก็จะหาซื้อมาหมด แม้ว่าจะลงเพียงเสี้ยวของหนังสือก็ตาม เทปเพลงที่ซื้อมาก็ต้องซื้อสำรองไว้ 1 ม้วน ม้วนนึงเก็บอีกม้วนนึงเอาไว้ฟัง ติดตามผลงานของทั้งวงมาเรื่อยๆจนมีโอกาสได้ไปอเมริกา เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน 1 ปี ตอนที่รู้ว่าได้ไป ดีใจเอาอย่างที่เปรียบมิได้ จะได้ใกล้ศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบมากขึ้น อาจจะมีโอกาสได้เจอ Nick Carter ตัวจริง พอเดินทางไปถึงที่อมริกาก็ได้ค้นพบว่า The Backstreet Boys นั้นกำลังเป็นศิลปินที่เพิ่งจะมาแรงในอเมริกาหลังจากที่ไปสร้างชื่อเสียงโด่งดังอยู่แถบยุโรปกับเอเชียอยู่ประมาณปีสองปี

ใช้ชีวิตที่อเมริกา หางานทำเองก็ไม่ได้ แต่ก็ยังเจียดเงินเพียงนิดหน่อยซื้อนิตยสาร People เอย Stars เอย อะไรก็ตามที่มีพวกเค้าลงจะหาซื้อมาเก็บไว้หมด รายการทีวีที่ออกในอเมริกาก็จะทำตารางไว้เพื่อรออัดไว้ดู ทำได้แม้กระทั่งลาป่วยเพื่อรอติดตามดูคอนเสิร์ตที่จะนำมาฉายให้ดู เพื่อนสาวชาวเยอรมันที่บ้าคลั่งไม่แพ้กันก็ยังชวนให้เดินทางไปยังบ้านเกิดของหนุ่มทั้ง 5 ที่รัฐฟลอริด้า เมืองโอแลนโ้ด้ ตอนนั้นอายุเพิ่งผ่านวัยทำบัตรประจำตัวประชาชนมาหมาดๆ ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเปรี้ยวสามารถเดินทางไปนี่นั่นตามดูศิลปินได้ขนาดนี้ ขนาดว่าวันแรกที่อัลบั้มใหม่ของ The Backstreet Boys จะวางแผง เพื่อนตัวดีก็ชวนเดินทางไปยัง Box Office เพื่อเข้าคิวรอซื้อตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด

ต้องบอกก่อนว่า Fanatic ที่อมริกานั้นรุนแรงมาก กะแค่ได้ซีดีมาถือไว้ในมือ แต่ละคนต่างก็ร้องไห้กันอย่างฟูมฟาย เราเองก็ชอบมากเหมือนกัน ได้ซีดีมาก็ดีใจเหมือนกัน แต่คงไม่ต้องร้องไห้มากขนาดนั้นก็ได้ ตอนแรกนัดกันกับเพื่อนๆว่าจะขอไป New York เพื่อไปร่วมในรายการ MTV Total Request ซึ่ง ณ ตอนนั้นเพลงที่ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ก็คือวง The Backstreet Boys แต่มันมีปัญหาอยู่ที่รายการมีแค่ จ-ศ แล้วก็เป็นช่วงประมาณเที่ยงครึ่ง ติดเรียนจะให้ไปได้ยังไง จำได้ขึ้นใจว่าตอนนั้นลงเรียนวิชาวาดรูปเอาไว้ แล้วจะรีบขึ้นห้องมาเปิดทีวีในห้องเรียนรอดู ก่อนที่เพื่อนๆคนอื่นจะเข้ามากัน จนอาจารย์ต้องแซว เพราะว่าคนอื่นๆเค้าไม่ชอบ Boy Band กันเอาซะเลย ถ้าให้รู้ว่าบ้า Nick Carter ขนาดนั้นก็อาจจะทำให้โดนล้อแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดก็ได้

เมื่อตอนนั้นมีศิลปินหญิงเดี่ยวออกมาและมีข่าวว่าคบกันกับ Nick Carter ผู้หญิงคนนั้นก็คือ Britney Spears ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลง Baby One More Time ก็ชอบเพลงและท่าเต้นเป็นอย่างมากแต่เมื่อได้ยินข่าวว่าเธอกำลังคบกันกับ Nick Carter ด้วยความโกรธอย่างมากก็เลยแบนสินค้าของเธอ ไม่ฟังเพลง ไม่ซื้อ แล้วก็พาลที่จะโกรธศิลปินสุดโปรดไปด้วย แต่พอมีแถลงข่าวว่าไม่ได้คบกันเป็นแค่ข่าวลือ ใจก็ชื้นขึ้นมาหน่อย

แต่พอซักระยะวงน้องใหม่บ้านเกิดที่เดียวกันอย่าง N'SYNC ที่มีนักร้องรูปหล่อ หุ่นน่าเจี๊ยะอย่าง Justin Timberlake ก็ดังเป็นพลุแตกกับเพลง "It's gonna be me" ชาร์ตอันดับเพลงซึ่งเคยเป็นตำแหน่งของ The Backstreet Boys ก็ตกเป็นของ N'Sync เพียงชั่วข้ามคืน ทั้ง 2 วงขับเคี่ยวขึ้นอันดับ 1 ตกอันดับ 2 กันอยู่แทบทุกวัน ลุ้นจนก้นไม่ติดเก้าอี้ เมื่อมีศิลปินมาแรงอย่าง N'Sync เกิดขึ้นก็มีคอนเสิร์ตเดินสายทัวร์เกิดขึ้นเหมือนกัน ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย ก็ได้ไปคอนเสิร์ต N'Sync กับเพื่อนเยอรมันที่รัก Backstreet Boys เป็นอย่างมาก ทำไมถึงได้ไปน่ะเหรอ เพื่อนบอกว่า

"เฮ๊ย ไปดูคอนเสิร์ต N'Sync กัน ไปตะโกนชื่อ Backstreet Boys ในนั้นกัน"

ได้ยินเท่านั้นก็ตอบตกลงไปทันที เมื่อถึงวันคอนเสิร์ตก็ออกเดินทางไปพร้อมกับเพื่อน อ๊ะโหรถติดแบบยาวเหยียด 10 กว่ากิโล กว่าจะเดินทางเข้าไปถึงที่ฮอลล์ แต่พอเมื่อเข้าไปในนั้นแล้วก็เกิดอาการขนลุก เพราะว่ามันใหญ่โตมโหฬารมากๆ ที่นั่งของเราทั้ง 2 เป็นด้านข้างเห็นเวทีชัดเจน แต่ไม่ใกล้มาก มีเสียงประกาศออกมาว่า Opening Act จะเป็น Britney Spears แต่เนื่องจากเธอต้องไปผ่าตัดหัวเข่าทำให้มาร่วมในคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ได้ (ถ้าใครได้ติดตามข่าวเธอ จะมีข่าวว่าช่วงนึงเธอไปผ่าตัดหัวเข่า)

N'Sync เปิดคอนเสิร์ตได้อย่างประทับใจเป็นที่สุด จากที่ไม่ชอบวงนี้เลยเพราะเป็นคู่แข่งของ Nick Carter แต่พอได้เห็นการแสดงสดแล้วมันก็ "เออ เน๊อะ เค้าเจ๋งจริง" ไม่ว่าจะร้อง เต้้น เล่นกับคนดู บวกเอ๊ฟเฟ๊กสลิงโหนตัว หมุนไปมา เวทีเลื่อนขึ้นลง ไปหน้า -หลัง อู๊ยยสาระพัดจะมี ก็ทำให้สนุกไปกับคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นอย่างมาก แต่พอมาถึงช่วงที่ N'Sync จะทดสอบเสียงของคนดู

"Okay Everybody .... we say N, you san Sync...."

Justin "N"
คนดู "Sync"
เราทั้ง 2 คน " Backstreet Boys... backstreet boys... backsteet boys..."

เอ่อออ .... ทั้ง 2 คนหันมามองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างดัง ไม่คิดว่าจะคิดตรงกันขนาดนั้น
คอนเสิร์ตจบลงพร้อมกับเสียงกรี๊ดสนั่นหวั่นไหว

สนุก เหนื่อย มันส์ แล้วก็ประทับใจในความเป็นศิลปินอาชีพของวงนี้มาก แต่ยังไงซะก็ยังรัก The Backstreet Boys อยู่ดี

กลับมาเมืองไทยก็เริ่มมีอาการหนักขึ้น ตามหาซีดี และก็ซื้อเก็บไว้อย่างละ 2 แผ่นเหมือนเคย ตามหาโปสเตอร์ ทำ Scrapbook ซื้อหนังสือที่แต่งโดยแม่ของ Nick Carter ซื้อทุกอย่าง แต่ทว่าข่าวการจะออกจากวงการของทั้ง 5 เริ่มเยอะขึ้น ไม่มีผลงานเพลงออกมาเลย ไม่มีออกสื่อใดๆ ก็เสียใจเหมือนกันเพราะว่าทั้ง 5 คนเปรียบเสมือนพี่น้องแท้ๆ ทั้ง 5 คนรวมตัวกันมานานมาก แต่จะไม่มี 5 คนอีกแล้ว ช่วงนั้นเหมือนว่าตัวองจะเสียใจ แต่คงเพราะว่าเราโตขึ้น ไปเรียนรู้อะไรมากขึ้นก็เลยไม่ฟูมฟาย และก็ยังส่งกำลังใจเขียนใส่จดหมายไปที่บ้านของ Nick Carter อยู่ตลอด และในที่สุด The Backstreet Boys ก็เป็น Boys Band ในตำนานของอเมริกาไปอีกวงหนึ่ง หลังจาก New Kids on the Block

ส่วน Nick Carter ผู้ชายที่เราชอบเอามากๆน่ะเหรอ เค้าก็มีข่าวกับนางแบบบ้าง นักร้องบ้าง ออกผลงานเดี่ยวบ้าง แต่ตอนนั้นไม่ได้ตามแล้ว เลยไม่ค่อยได้สนใจมากเท่าไหร่

นึกย้อนไปสมัยนั้น เวลาได้ยินเพลงของวงนี้จะรู้ทันทีว่าเค้า้ร้องท่อนไหน จะนึกถึงท่าทางเค้าได้ทันที แม้ว่าจะไม่เคยเจอเค้าเลย แปลกดีเหมือนกันว่าครั้งหนึ่งเคยมีความรู้สึก เคยตามศิลปินอย่างบ้าคลั่งมาก่อน และก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

ใครจะไปรู้ว่า

"จะสามารถหลงรักคนคนเดียวได้ถึง 2 ครั้ง"

แต่มันก็ได้เกิดขึ้นกับคนคนนี้

คิม ฮยอน จุง

ไม่มีความคิดเห็น: